top of page
bollon dor football player
Johan Cruyff
1973
นอกจากนี้แล้วการคว้าแชมป์ดังกล่าว ทำให้ไกรฟฟ์ได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปหรือบาลงดอร์ (Ballon d'Or) ไปครองอีกหนึ่งตำแหน่งด้วย นับเป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์รายแรกที่ได้สัมผัสกับรางวัลนี้ หลังจากนั้นเขาก็พาอายักซ์คว้าแชมป์ยุโรปได้อีกสองสมัยซ้อน ซึ่งเป็นทีมแรกนับจากเรอัลมาดริดที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้สามปีติดต่อกัน
จากความสำเร็จดังนี้ ไกรฟฟ์ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลนาแห่งสเปน ที่มีรีนึส มีเคิลส์ ผู้จัดการทีมคู่บารมีของเขาคุมทีมอยู่ โดยพาเอาโยฮัน เนสเกินส์ คู่หูตลอดกาลของเขามาด้วย และไกรฟฟ์ก็ไม่ทำให้แฟนของบาร์เซโลนาผิดหวัง เมื่อเขาพาทีมล้มเรอัลมาดริดและคว้าแชมป์ลาลิกาประจำปี ค.ศ. 1974 ได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะนัดที่อยู่ในความทรงจำ คือนัดที่ไกรฟฟ์และนักฟุตบอลคนอื่น ๆ ของบาร์เซโลนาสามารถบุกไปเอาชนะเรอัลมาดริด คู่ปรับตลอดกาล ถึงถิ่นด้วยประตูถล่มทลายถึง 5-0 ด้วยกัน
Johan Cruyff
1974
นอกจากนี้แล้วการคว้าแชมป์ดังกล่าว ทำให้ไกรฟฟ์ได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปหรือบาลงดอร์ (Ballon d'Or) ไปครองอีกหนึ่งตำแหน่งด้วย นับเป็นนักฟุตบอลชาวดัตช์รายแรกที่ได้สัมผัสกับรางวัลนี้ หลังจากนั้นเขาก็พาอายักซ์คว้าแชมป์ยุโรปได้อีกสองสมัยซ้อน ซึ่งเป็นทีมแรกนับจากเรอัลมาดริดที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้สามปีติดต่อกันจากความสำเร็จดังนี้ ไกรฟฟ์ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลนาแห่งสเปน ที่มีรีนึส มีเคิลส์ ผู้จัดการทีมคู่บารมีของเขาคุมทีมอยู่ โดยพาเอาโยฮัน เนสเกินส์ คู่หูตลอดกาลของเขามาด้วย และไกรฟฟ์ก็ไม่ทำให้แฟนของบาร์เซโลนาผิดหวัง เมื่อเขาพาทีมล้มเรอัลมาดริดและคว้าแชมป์ลาลิกาประจำปี ค.ศ. 1974 ได้อย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะนัดที่อยู่ในความทรงจำ คือนัดที่ไกรฟฟ์และนักฟุตบอลคนอื่น ๆ ของบาร์เซโลนาสามารถบุกไปเอาชนะเรอัลมาดริด คู่ปรับตลอดกาล ถึงถิ่นด้วยประตูถล่มทลายถึง 5-0 ด้วยกัน
Oleg Blokhin
1975
เขาครองสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลสำหรับทั้งดินาโมเคียฟ (266 ประตู) และทีมชาติสหภาพโซเวียต (42 ประตู) รวมถึงเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในประวัติศาสตร์ของลีกสูงสุดของโซเวียต (211 ประตู) นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เล่นคนเดียวที่ได้รับการต่อยอดมากกว่า100 ครั้งให้กับสหภาพโซเวียตและมีสถิติการปรากฏตัวของไดนาโมด้วยการปรากฏตัว 582 ครั้งในช่วงเวลา 18 ปีที่สโมสร ด้วยไดนาโม Blokhin รับรางวัลแปดชื่อลีกโซเวียตห้าถ้วยแห่งชาติและสองวินเนอร์สคัพยุโรปถ้วย เขายังคงแข่งขันของสหภาพโซเวียตที่1972และ1976 โอลิมปิกเกมส์และ1982และ1986 ถ้วยฟุตบอลโลก ในอาชีพการเล่นของเขาเขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของสหภาพโซเวียตสามครั้งและรางวัลนักฟุตบอลแห่งปีของยูเครนเก้าครั้ง (ทั้งสองบันทึก) ในปีพ. ศ. 2518 เขาได้รับรางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรปได้รับรางวัลBallon d'Orกลายเป็นโซเวียตคนที่สองและเป็นผู้เล่นยูเครนคนแรกที่ประสบความสำเร็จเช่นนี้
1976
เขาได้รับเลือกเป็นผู้เล่นยุโรปแห่งปี 2 ครั้ง เขาลงแข่งให้กับฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีตะวันตก 103 นัด ในฟุตบอลโลก 3 ครั้ง เขายังเป็นผู้เล่นคนเดียวที่เป็นกัปตันทีมและผู้จัดการทีมให้กับประเทศที่ชนะฟุตบอลโลก เขาได้ถ้วยฟุตบอลโลกในฐานะกัปตันทีมในปี 1974 และได้อีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีมชาติในฟุตบอลโลก 1990 และกับสโมสรฟุตบอลไบเอิร์นมิวนิก เขาได้ถ้วยยุโรป 3 ครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 1974 ถึง 1976 และคัปวินเนอร์สคัปในปี ค.ศ. 1967 เบ็คเคินเบาเออร์เป็นผู้เล่นคนเดียวที่เป็นกัปตันทีมที่ชนะในถ้วยยุโรป 3 ครั้ง เขาเปลี่ยนมาเป็นผู้ฝึกสอนและประธานของสถาบัน และยังมีรายชื่ออยู่ในหอเกียรติยศฟุตบอลแห่งชาติ
ในปี ค.ศ. 1999 เขาได้รับลงคะแนนเป็นที่ 2 ตามหลังโยฮัน ครัฟฟ์ ในฐานะนักฟุตบอลยุโรปแห่งศตวรรษ ที่จัดขึ้นโดยสมาพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอลนานาชาติ (IFFHS) และได้ที่ 3 ตามหลังเปเล่และครัฟฟ์ ของ "นักฟุตบอลแห่งศตวรรษ" ปัจจุบันเบ็คเคินเบาเออร์ยังคงเป็นผู้มีอิทธิพลต่อวงการฟุตบอลเยอรมันและทีมชาติ เขาเป็นผู้นำให้เยอรมนีชนะการประมูลการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2006 และดำรงตำแหน่งประธานกรรมการการจัดการ เขายังทำงานในฐานะผู้รู้ในวงการโทรทัศน์เยอรมัน ช่องแซท.1 ในช่วงการแข่งขันยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกและเขียนคอลัมน์ฟุตบอลในแท็บลอยด์ Bild
Allan Rodenkam
1977
Allan Rodenkam Simonsen (เกิด 15 ธันวาคม พ.ศ. 2495) เป็นอดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมชาวเดนมาร์ก เขาเด่นที่สุดเล่นเป็นไปข้างหน้าสำหรับเยอรมันบุนเดสสโมสรบอรัสเซียชนะปี 1975 และ 1979 ถ้วยยูฟ่า , เช่นเดียวกับบาร์เซโลนาจากสเปนชนะ 1982 คัพวินเนอร์สคัพ Simonsen เป็นนักฟุตบอลเพียงคนเดียวที่ทำประตูในรอบชิงชนะเลิศถ้วยยุโรปยูฟ่าคัพและคัพวินเนอร์สคัพ ซิมอนเซ่นเป็นชื่อ 1977 ฟุตบอลยุโรปแห่งปี
สำหรับฟุตบอลทีมชาติเดนมาร์ก Simonsen ถูกต่อยอด 55 ครั้งยิงได้ 20 ประตู เขาเป็นตัวแทนของเดนมาร์กในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนปี 1972 , แชมป์ยุโรปปี 1984และการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1986 เขาได้รับการโหวตให้เข้าสู่หอเกียรติยศฟุตบอลเดนมาร์กในเดือนพฤศจิกายน 2551
Kevin Keegan
1978
เควิน คีแกน เริ่มต้นเป็นนักฟุตบอลจากการเป็นเด็กฝึกหัดของสกันทอร์ป ก่อนที่จะย้ายเข้าสู่ลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 35,000 ปอนด์ คีแกนได้ลงเล่นเกมแรกให้ทีมชาติอังกฤษเจอกับทีมชาติเวลส์ ที่คาร์ดิฟฟ์ ก่อนจะช่วยลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีก 3 สมัยใน 3 ปีแรกที่แอนฟีลด์ ต่อมาในปี 1973 ลิเวอร์พูลได้แชมป์ ยูฟ่าคัพ หลังจากสามารถเอาชนะโบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัคได้สำเร็จ 3 ปีต่อมา คีแกนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีหลังพาลิเวอร์พูลชนะบรูเกส 4-3 ในประตูรวมคว้าแชมป์ ยูฟ่าคัพ อีกสมัย
คีแกนนั้นถือได้ว่าเป็นกำลังสำคัญที่พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ ยูโรเปียนคัพ เป็นครั้งแรกหลังชนะกลัดบัค ก่อนที่เขาจะย้ายสู่ ฮัมบวร์ค ด้วยค่าตัว 500,000 ปอนด์ ในปี 1977 ฮัมบวร์คได้แชมป์บุนเดิสลีกาและคีแกนก็ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 1977–78 โดยฤดูกาลถัดมาเขายังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปียุโรปอีกด้วย ในปี 1980 คีแกนตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมเซาแทมป์ตันด้วยค่าตัว 420,000. ปอนด์ เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ ก่อนย้ายสู่นิวคาสเซิลด้วยค่าตัว 100,000 ปอนด์ คีแกนเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเขาลงเล่นให้กับนิวคาสเซิลไปทั้งหมด 78 นัด ยิงได้ 48 ประตู ก่อนจะประกาศเลิกเล่นในปี 1984
รวมคีแกนลงเล่นให้กับทุกสโมสรไป 592 นัด ยิงได้ 204 ประตู และลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษทั้งหมด 63 นัด ยิงได้ 21 ประตู
Kevin Keegan
1979
เควิน คีแกน เริ่มต้นเป็นนักฟุตบอลจากการเป็นเด็กฝึกหัดของสกันทอร์ป ก่อนที่จะย้ายเข้าสู่ลิเวอร์พูลด้วยค่าตัว 35,000 ปอนด์ คีแกนได้ลงเล่นเกมแรกให้ทีมชาติอังกฤษเจอกับทีมชาติเวลส์ ที่คาร์ดิฟฟ์ ก่อนจะช่วยลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีก 3 สมัยใน 3 ปีแรกที่แอนฟีลด์ ต่อมาในปี 1973 ลิเวอร์พูลได้แชมป์ ยูฟ่าคัพ หลังจากสามารถเอาชนะโบรุสซีอาเมินเชินกลัทบัคได้สำเร็จ 3 ปีต่อมา คีแกนได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีหลังพาลิเวอร์พูลชนะบรูเกส 4-3 ในประตูรวมคว้าแชมป์ ยูฟ่าคัพ อีกสมัย
คีแกนนั้นถือได้ว่าเป็นกำลังสำคัญที่พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ ยูโรเปียนคัพ เป็นครั้งแรกหลังชนะกลัดบัค ก่อนที่เขาจะย้ายสู่ ฮัมบวร์ค ด้วยค่าตัว 500,000 ปอนด์ ในปี 1977 ฮัมบวร์คได้แชมป์บุนเดิสลีกาและคีแกนก็ได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล 1977–78 โดยฤดูกาลถัดมาเขายังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปียุโรปอีกด้วย ในปี 1980 คีแกนตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมเซาแทมป์ตันด้วยค่าตัว 420,000. ปอนด์ เขาได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ ก่อนย้ายสู่นิวคาสเซิลด้วยค่าตัว 100,000 ปอนด์ คีแกนเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเขาลงเล่นให้กับนิวคาสเซิลไปทั้งหมด 78 นัด ยิงได้ 48 ประตู ก่อนจะประกาศเลิกเล่นในปี 1984
รวมคีแกนลงเล่นให้กับทุกสโมสรไป 592 นัด ยิงได้ 204 ประตู และลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษทั้งหมด 63 นัด ยิงได้ 21 ประตู
1980
เขาเข้าร่วมทีมบาเยิร์น มิวนิคในปี 1974 โดยมาจากโบรุสเซีย ลิปป์สตัดท์ ทีมมือสมัครเล่นเวสต์ฟาเลียน โดยมีค่าธรรมเนียมการโอนราวๆ แคลิฟอร์เนีย 10,000 ยูโร เขาแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ทันทีในฐานะผู้เลี้ยงบอล คุณสมบัติการทำคะแนนของเขาไม่มีนัยสำคัญในตอนแรก แต่จะพบการพัฒนาอย่างมากในปีต่อ ๆ มา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการมาถึงของโค้ชPal Csernaiในปี 1979 ในปี1979–80เขายิงได้ 26 ประตูและกลายเป็นกองหน้าชั้นนำของบุนเดสลีกาเป็นครั้งแรกประสบความสำเร็จซ้ำแล้วซ้ำอีกในปี 1981และ1984ด้วย 29 และ 26 ประตูตามลำดับ
บาเยิร์นกับเขาได้รับรางวัลถ้วยยุโรปใน1975และ1976 ใน1975เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในรอบสุดท้ายของการแข่งขันในขณะที่ในปีนั้นไม่นานแก้วบรั่นดีพอเตรียมประสาท Rummenigge จะนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของAS Saint-Etienne ในปีเดียวกันเขาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ชนะในทวีปถ้วยรอบชิงชนะเลิศกับCruzeiro ECจากBelo Horizonte
1981
เขาเข้าร่วมทีมบาเยิร์น มิวนิคในปี 1974 โดยมาจากโบรุสเซีย ลิปป์สตัดท์ ทีมมือสมัครเล่นเวสต์ฟาเลียน โดยมีค่าธรรมเนียมการโอนราวๆ แคลิฟอร์เนีย 10,000 ยูโร เขาแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ทันทีในฐานะผู้เลี้ยงบอล คุณสมบัติการทำคะแนนของเขาไม่มีนัยสำคัญในตอนแรก แต่จะพบการพัฒนาอย่างมากในปีต่อ ๆ มา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการมาถึงของโค้ชPal Csernaiในปี 1979 ในปี1979–80เขายิงได้ 26 ประตูและกลายเป็นกองหน้าชั้นนำของบุนเดสลีกาเป็นครั้งแรกประสบความสำเร็จซ้ำแล้วซ้ำอีกในปี 1981และ1984ด้วย 29 และ 26 ประตูตามลำดับ
บาเยิร์นกับเขาได้รับรางวัลถ้วยยุโรปใน1975และ1976 ใน1975เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในรอบสุดท้ายของการแข่งขันในขณะที่ในปีนั้นไม่นานแก้วบรั่นดีพอเตรียมประสาท Rummenigge จะนำไปสู่ความพ่ายแพ้ของAS Saint-Etienne ในปีเดียวกันเขาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ชนะในทวีปถ้วยรอบชิงชนะเลิศกับCruzeiro ECจากBelo Horizonte
bottom of page