top of page

19.Right winger forword
(RWF)

ตำเเหน่ง: ปีกสูงฝั่งขวา

Leonel Messi
Fc Barcelona

image.png

Luis Figo

Real Madrid

Johan Cruyff
Fc Bacelona

image.png

David Beackham
Real Madrid

RWF=Right Winger Forword=ปีกสูงฝั่งขวา

20.Center Forword
(CF)

ตำเเหน่ง:กองหน้าตัวต่ำ

image.png

Marcus Rashford
Manchester United

image.png

Antoine Griezmann

atletico madrid

image.png

Kylian Mbabpe

Paris saint Germain

image.png

Kai Havertz

Arsenol

CF=Center Forword=กองหน้าตัวต่ำ

21.Striker
(ST)

ตำเเหน่ง:กองหน้าตัวเป้า

image.png

เกิยรติศักดิ์ เสนาเมือง
Thailand

image.png

ปิยะพงศ์ ผิวอ่อน
Thailand

image.png

ธีรศิลป์ เเดงดา
Thailand

image.png

ศุภนัฎฐ์ เหมือนตา

Thailand

ST=Striker=กองหน้าตัวเป้า

ความสำคัญของตำเเหน่งในสนาม
กีฬาฟุตบอลถือเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก ดังนั้นเพื่อการรับชมฟุตบอลที่สนุกหรือคนที่อยากเป็นนักกีฬา ก็ต้องมีความรู้พื้นฐานและเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับตำแหน่งฟุตบอลอย่างถ่องแท้ ตั้งแต่การรู้ตำแหน่งแต่ละตำแหน่งในสนาม ไปจนถึงการเรียนรู้วิธีฝึกสำหรับตำแหน่งเฉพาะแต่ละตำแหน่ง 

ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับตำแหน่งฟุตบอล อยู่ในบทความนี้แล้ว

บทบาทตำแหน่งฟุตบอลและความสำคัญ

ฟุตบอลก็เหมือนกับกีฬาหลายประเภทที่จะมีการมอบหมายตำแหน่งและหน้าที่เฉพาะในกีฬาฟุตบอล โดยตำแหน่งที่กำหนดในฟุตบอลแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก:

  • กองหลัง

  • กองกลาง

  • กองหน้า

กองหลัง

ผู้รักษาประตู (GK) – ผู้รักษาประตูมีหน้าที่สำคัญคือ ป้องกันการยิงประตูจากฝ่ายตรงข้าม และผู้รักษาประตูเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่สามารถใช้แขนและมือเพื่อสกัดกั้นบอลได้ตราบเท่าที่ลูกฟุตบอลอยู่ในกรอบเขตโทษ แต่หากก้าวออกนอกกรอบโทษหรือสมาชิกในทีมส่งบอลให้ ผู้รักษาประตูจะไม่สามารถใช้มือได้ นอกจากนี้ผู้รักษาประตูฟุตบอลจะสวมอุปกรณ์ผู้รักษาประตูโดยเฉพาะ เช่น ถุงมือ และมักเลือกใช้เสื้อแขนยาวเพื่อการปกป้อง รวมถึงสวมเสื้อสีที่แตกต่างจากสมาชิกในทีมคนอื่นๆ ดังนั้นทุกคนในสนามจึงสามารถแยกแยะตำแหน่งนี้ออกจากตำแหน่งอื่นๆ ได้ง่าย

เซ็นเตอร์แบ็ค (CB) – เซ็นเตอร์แบ็คหรือกองหลังตัวกลาง เป็นอีกหนึ่งตำแหน่งป้องกันที่ครอบคลุมศูนย์กลางของสนามหน้าประตูฝ่ายตัวเอง หน้าที่หลักๆ คือป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามหรือลูกบอลไปถึงผู้รักษาประตู ซึ่งตำแหน่งนี้ต้องการผู้เล่นที่มีทักษะร่างกายแข็งแรงในการสกัดและเข้าปะทะด้วย

ฟูลแบ็คขวาและซ้าย (LB / RB) – ฟูลแบ็คขวาและซ้ายปกป้องด้านข้างของสนามในแดนหลัง และหน้าที่หลักๆ คือต้องบล็อกผู้เล่นที่อยู่ฝ่ายซ้ายขวาของทีมตรงข้าม หรือกองกลางขวาหรือซ้าย ไม่ให้ขึ้นเกมด้านข้างได้ เป็นตำแหน่งที่ต้องวิ่งขึ้นลงตลอดทั้งเกม เพื่อป้องกันและสนับสนุนเกมรุก

กองกลาง

ในวงการฟุตบอล มิดฟิลด์จะประจำการอยู่กลางสนาม ระหว่างกองหน้ากับกองหลัง งานหลักของพวกเขาคือการเป็นส่วนหนึ่งของการโจมตีและเก็บบอลดันไปข้างหน้าสู่เป้าหมาย กองกลางมักถูกเรียกว่า “ห้องเครื่อง” ของทีม หากทีมทำงานเป็นเครื่องจักรที่ดี กองกลางหรือมิดฟิลด์ก็คือเกียร์ที่เชื่อมแนวรับและแนวรุก ผ่านบอลสู่ผู้เล่นตำแหน่งต่างๆ และทำให้แน่ใจว่าทุกอย่างเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่น เป็นตำแหน่งที่ต้องเคลื่อนไหวมากที่สุดระหว่างเกม เนื่องจากพลังงานและการคุมจังหวะของเกมส่วนใหญ่มาจากผู้เล่นตำแหน่งนี้ 

กองกลางตัวต่ำ/ตัวรับ (DM) – ตำแหน่งนี้มีการยืนบริเวณหน้าแผงกองหลัง และมีหน้าที่รับผิดชอบในการเก็บบอลไว้นอกเขต สกัดกั้นการจ่ายบอลของทีมอื่น รวมถึงนำบอลออกจากฝ่ายตรงข้าม และช่วยแนวรุกของทีมโดยเก็บบอลไว้แล้วส่งต่อไปยังผู้เล่นเกมรุก 

กองกลางตัวกลาง (CM) –  มักถูกมองว่าเป็นบทบาทที่ทำงานหนักที่สุด ต้องเล่นได้ทั้งเกมรุกและป้องกันในสนาม รวมถึงมีหน้าที่จ่ายบอลให้ผู้เล่นคนอื่นในการสร้างสรรค์เกมได้ ดังนั้นทักษะสำคัญที่ผู้เล่นตำแหน่งนี้ต้องมีคือทักษะในการจับบอลและการส่งบอลที่ดี บางครั้งเราเคยอาจจะเห็นว่าเมื่อถึงเวลาที่เล่นเกมรุก กองกลางตัวกลางมักจะยิงประตูระยะไกลได้อีกด้วย

กองกลางตัวรุก/เพลย์เมคเกอร์ (AM) – กองกลางตัวรุกมีตำแหน่งยืนอยู่ระหว่างกองกลางและผู้เล่นแนวรุก ทักษะสำคัญของผู้เล่นตำแหน่งนี้คือต้องรู้วิธีทำประตูและเลี้ยงบอลให้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงกองหลังของฝ่ายตรงข้าม กองกลางตัวรุกต้องมีเทคนิคและความแม่นยำที่ยอดเยี่ยมในการเล่นบอล รวมถึงสร้างสรรค์เกม ตำแหน่งนี้มักถูกมองว่าเป็นตัวนำในการเล่นเกมรุก ต้องคอยทำหน้าที่ควบคุมบอล  และสร้างโอกาสในการทำประตูให้ทีมทั้งการจ่ายบอลหรือยิงประตูเอง

กองกลาง ปีก ซ้าย/ขวา (LM, RM) – หรือเป็นที่รู้จักกันในตำแหน่งปีกหรือกองกลางตัวริมเส้น ผู้เล่นตำแหน่งนี้จะเหล่านี้จะอยู่ด้านกว้าง เพื่อช่วยดึงแนวรับของฝ่ายตรงข้ามออกไปด้านนอก คอยสร้างพื้นที่สำหรับแนวรุกของ ดังนั้นผู้เล่นควรมีทักษะ 1 ต่อ 1 ที่แข็งแกร่ง เนื่องจากต้องคอยหลบหลีกการสกัดของฟูลแบ็คหรือวิงแบ็คด้านซ้ายและขวาของทีมตรงข้าม ตำแหน่งปีกมักจะไม่ได้บอลมากในระหว่างเกม แต่จะมองหาวิธีการเปลี่ยนบอลไปข้างหน้าผ่านการส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีม ต้องเลี้ยงบอลเร็ว ส่งบอล แอสซิสต์ ยิงประตู และทำประตูให้ตัวเอง ปีกจึงต้องมีความเร็วและเทคนิคที่ยอดเยี่ยมในการครองบอล และบางครั้งปีกถูกจัดกลุ่มเป็นตำแหน่งรุกหรือกองหน้า

กองหน้า

กองหน้า คือผู้เล่นหลักและเล่นใกล้กับหน้าประตูของฝ่ายตรงข้ามมากที่สุด หน้าที่หลักและสำคัญที่สุดของตำแหน่งนี้คือ ยิงประตู ผู้เล่นจึงต้องมีทักษะการจับบอล ยิงประตูแม่นยำ และความเร็วเพื่อหลีกกองหลังให้ได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

กองหน้า (ST) – แน่นอนว่าบทบาทกองหน้าคือการทำประตู ตำแหน่งนี้จึงอยู่ด้านหน้าสนามและมักจะมองหาการรับบอลจากเพื่อนร่วมทีมเพื่อพยายามทำประตูให้ทีมมากที่สุด กองหน้าที่ดีต้องรวดเร็วและสามารถเอาชนะการป้องกันของทีมตรงข้ามและมองหาโอกาสจากความผิดพลาดของอีกฝ่าย ผู้เล่นตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในทีมฟุตบอล เพราะหมายถึงผู้สร้างโอกาสคว้าชัยชนะเลยทีเดียว

ศูนย์หน้าตัวเป้า (CF): มักจะยืนเป็นกองหน้าตัวกลางหรือตัวเป้าคนเดียว กองหน้าลักษณะนี้ต้องโฟกัสไปที่การทำประตู ไม่ว่าจะเลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้เมื่อมีบอล หรือเปิดทางให้เพื่อนจ่ายบอลเมื่อไม่มีบอลก็ตาม รวมถึงต้องมีความสามารถในการโหม่งบอลได้อย่างแม่นยำด้วย

หมายเลขเสื้อที่สวมใส่

1 – ผู้รักษาประตู

2 – ฟูลแบ็คขวา

3 – ฟูลแบ็คซ้าย

4 – เซ็นเตอร์แบ็ค

5 – เซ็นเตอร์แบ็ค

6 – กองกลางตัวต่ำ/ตัวรับ

7 – กองกลางด้านขวา/ปีก

8 – กองกลางตัวกลาง

9 – กองหน้า

10 – มิดฟิลด์ตัวรุก/เพลย์เมคเกอร์

11 – มิดฟิลด์ด้านซ้าย/ปีก

หมายเลขของผู้เล่นแต่ละตำแหน่งเกิดขึ้นเพื่อความเข้าใจที่ง่ายต่อการจดจำ และกำหนดว่าใครจะเป็น 11 คนแรกที่จะลงสนามเป็นตัวจริง ซึ่งไม่ได้ระบุเจาะจงว่าทุกคนจะต้องสวมใส่หมายเลขเสื้อตามตำแหน่งที่กำหนดไว้ บางครั้งเราจึงเห็นว่านักเตะหลายๆ คนสวมใส่หมายเลขสองหลักแม้จะเล่นตำแหน่งกองหลังก็ตาม และผู้เล่นก็สามารถเลือกสวมใส่หมายเลขได้ตั้งแต่ 1-99 ด้วยเช่นกัน

เรียนรู้แผนการเล่นและแท็กติกในเกมฟุตบอล

ในคอร์ส “The Art of Football Tactics” มหัศจรรย์แท็กติกข้างสนาม กับ ‘ซิโก้’ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย และอดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย


อ้างอิง:

bottom of page