bollon dor football player
Paolo Rossi
1982
ปาโอโล รอสซี (อิตาลี: Paolo Rossi; 23 กันยายน 1956 – 9 ธันวาคม 2020) เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวอิตาลีที่เล่นเป็นกองหน้า เขาพาอิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1982 โดยยิงได้ 6 ประตู คว้ารางวัลรองเท้าทองคำในฐานะผู้ทำประตูสูงสุด และรางวัลลูกบอลทองคำสำหรับผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำการแข่งขัน รอสซีเป็น 1 ใน 3 ผู้เล่นและเป็นชาวยุโรปคนเดียวเท่านั้นที่คว้า 3 รางวัลในฟุตบอลโลก ร่วมกับการิงชา (บราซิล) ในปี ค.ศ. 1962 และมาริโอ เกมเปส (อาร์เจนตินา) ในปี ค.ศ. 1978 รอสซียังคว้ารางวัลบาลงดอร์ใน ค.ศ. 1982 ในฐานะนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรปจากผลงานของเขา (เป็นผู้เล่นคนเดียวในประวัติศาสตร์ที่คว้า 4 รางวัลในปีเดียว) ร่วมกับโรแบร์โต บัจโจ และกริสเตียน วีเอรี เขาเป็นดาวยิงสูงสุดของอิตาลีในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกโดยยิงไปทั้งหมด 9 ประตู
ในระดับสโมสร รอสซีทำประตูมากมายให้กับวิเชนซา ในปี ค.ศ. 1976 เขาเซ็นสัญญากับยูเวนตุสโดยย้ายจากวิเชนซาในข้อตกลงการเป็นเจ้าของร่วมด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติโลกในเวลานั้น
Michel Platini
1983
“พ่อมดลูกหนัง” มิเชล พลาตินี่
มิเชล พลาตินี่ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสผู้ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นบุคคลระดับตำนานไปเรียบร้อยแล้ว ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะมิดฟิลด์ที่เพอร์เฟกต์ที่สุดในโลกของยุคเดียวกัน
พลาตินี่ เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ นองซี่-ลอร์เรน ก่อนจะย้ายสู่ทีมที่ใหญ่กว่าอย่าง แซงต์ เอเตียง ที่ซึ่งมาประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์ ลีก สูงสุดเมื่อปี 1981
ปี 1982 ก้าวใหม่ของชีวิตที่ท้าทายกว่าเดิมเริ่มมาถึงเมื่อได้ย้ายไปหาประสบการณ์กับสโมสรในอิตาลี ซึ่งเป็นสโมสรชั้นนำอย่าง ยูเวนตุส แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เมื่อจากการลงเล่น 147 เกม พลาตินี่ กระทุ้งประตูไป 68 ตุง ซึ่งจากตำแหน่งมิดฟิลด์ ถือว่าเป็นสถิติที่ไม่ธรรมดา
ไม่เท่านั้น พ่อมดแห่งวงการลูกหนังรายนี้ยังนำโด่งเป็นดาวซัลโวของ เซเรีย อา ถึง 3 สมัยซ้อน พลาตินี่ เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งให้ม้าลายแห่งตูริน สคูเด็ตโต้,แชมป์ อิตาเลียน คัพ,ยูโรเปี้ยน คัพ และ คัพ วินเนอร์สคัพ
พลาตินี่ ได้รับมอบหมายเป็นกัปตันทีมชาติ “ตราไก่” ฝรั่งเศส ลุยศึก ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนคัพ เมื่อปี 1984 และจบทัวร์นาเมนต์ด้วยตำแหน่งดาวซัลโวด้วยที่ 9 ประตู
นอกจากจี๊ดจ๊าดในตำแหน่งมิดฟิลด์แล้วการผ่านบอล ป้อนบอลของ พลาตินี่ ยังได้รับการยอมรับว่าเยี่ยมยอดอีกด้วย รวมถึงการยิงประตูที่หาได้ไม่มากนักจากนักเตะตำแหน่งมิดฟิลด์ แล้วเป็นดาวยิงแบบนี้
เซอร์บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานนักเตะอังกฤษ ได้กล่าวถึง พลาตินี่ ไว้ว่า “เขาจบสกอร์ได้คมมากๆแม้จะมีช่องอยู่นิดเดียวเท่ารูเข็มก็ตาม”
ในด้านการปั่นฟรีคิก ถ้าให้เทียบกับสมัยนี้ เดวิด เบ็คแฮม ยังอายเลยทีเดียว พลาตินี่ สามารถปั่นบอลให้โค้งหนีกำแพงและหนีมือผู้รักษาประตูได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งการซ้อมก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษใช้หุ่นตั้งเป็นแถวเหมือนกับที่คนอื่นทำกัน
พลาตินี่เคยได้รับเลือกเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของยุโรป (บัลลงดอร์) ถึง 3 สมัยติดต่อกันด้วยในปี 1983,84 และ 85
พลาตินี่ แขวนสตั๊ดเมื่อปี 1987 โดยเล่นให้ยูเวนตุส เป็นทีมสุดท้าย
Michel Platini
1984
“พ่อมดลูกหนัง” มิเชล พลาตินี่
มิเชล พลาตินี่ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสผู้ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นบุคคลระดับตำนานไปเรียบร้อยแล้ว ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะมิดฟิลด์ที่เพอร์เฟกต์ที่สุดในโลกของยุคเดียวกัน
พลาตินี่ เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ นองซี่-ลอร์เรน ก่อนจะย้ายสู่ทีมที่ใหญ่กว่าอย่าง แซงต์ เอเตียง ที่ซึ่งมาประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์ ลีก สูงสุดเมื่อปี 1981
ปี 1982 ก้าวใหม่ของชีวิตที่ท้าทายกว่าเดิมเริ่มมาถึงเมื่อได้ย้ายไปหาประสบการณ์กับสโมสรในอิตาลี ซึ่งเป็นสโมสรชั้นนำอย่าง ยูเวนตุส แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เมื่อจากการลงเล่น 147 เกม พลาตินี่ กระทุ้งประตูไป 68 ตุง ซึ่งจากตำแหน่งมิดฟิลด์ ถือว่าเป็นสถิติที่ไม่ธรรมดา
ไม่เท่านั้น พ่อมดแห่งวงการลูกหนังรายนี้ยังนำโด่งเป็นดาวซัลโวของ เซเรีย อา ถึง 3 สมัยซ้อน พลาตินี่ เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งให้ม้าลายแห่งตูริน สคูเด็ตโต้,แชมป์ อิตาเลียน คัพ,ยูโรเปี้ยน คัพ และ คัพ วินเนอร์สคัพ
พลาตินี่ ได้รับมอบหมายเป็นกัปตันทีมชาติ “ตราไก่” ฝรั่งเศส ลุยศึก ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนคัพ เมื่อปี 1984 และจบทัวร์นาเมนต์ด้วยตำแหน่งดาวซัลโวด้วยที่ 9 ประตู
นอกจากจี๊ดจ๊าดในตำแหน่งมิดฟิลด์แล้วการผ่านบอล ป้อนบอลของ พลาตินี่ ยังได้รับการยอมรับว่าเยี่ยมยอดอีกด้วย รวมถึงการยิงประตูที่หาได้ไม่มากนักจากนักเตะตำแหน่งมิดฟิลด์ แล้วเป็นดาวยิงแบบนี้
เซอร์บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานนักเตะอังกฤษ ได้กล่าวถึง พลาตินี่ ไว้ว่า “เขาจบสกอร์ได้คมมากๆแม้จะมีช่องอยู่นิดเดียวเท่ารูเข็มก็ตาม”
ในด้านการปั่นฟรีคิก ถ้าให้เทียบกับสมัยนี้ เดวิด เบ็คแฮม ยังอายเลยทีเดียว พลาตินี่ สามารถปั่นบอลให้โค้งหนีกำแพงและหนีมือผู้รักษาประตูได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งการซ้อมก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษใช้หุ่นตั้งเป็นแถวเหมือนกับที่คนอื่นทำกัน
พลาตินี่เคยได้รับเลือกเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของยุโรป (บัลลงดอร์) ถึง 3 สมัยติดต่อกันด้วยในปี 1983,84 และ 85
พลาตินี่ แขวนสตั๊ดเมื่อปี 1987 โดยเล่นให้ยูเวนตุส เป็นทีมสุดท้าย
Michel Platini
1985
“พ่อมดลูกหนัง” มิเชล พลาตินี่
มิเชล พลาตินี่ อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสผู้ยังมีชีวิตอยู่ และเป็นบุคคลระดับตำนานไปเรียบร้อยแล้ว ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะมิดฟิลด์ที่เพอร์เฟกต์ที่สุดในโลกของยุคเดียวกัน
พลาตินี่ เริ่มต้นอาชีพค้าแข้งกับ นองซี่-ลอร์เรน ก่อนจะย้ายสู่ทีมที่ใหญ่กว่าอย่าง แซงต์ เอเตียง ที่ซึ่งมาประสบความสำเร็จ คว้าแชมป์ ลีก สูงสุดเมื่อปี 1981
ปี 1982 ก้าวใหม่ของชีวิตที่ท้าทายกว่าเดิมเริ่มมาถึงเมื่อได้ย้ายไปหาประสบการณ์กับสโมสรในอิตาลี ซึ่งเป็นสโมสรชั้นนำอย่าง ยูเวนตุส แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เมื่อจากการลงเล่น 147 เกม พลาตินี่ กระทุ้งประตูไป 68 ตุง ซึ่งจากตำแหน่งมิดฟิลด์ ถือว่าเป็นสถิติที่ไม่ธรรมดา
ไม่เท่านั้น พ่อมดแห่งวงการลูกหนังรายนี้ยังนำโด่งเป็นดาวซัลโวของ เซเรีย อา ถึง 3 สมัยซ้อน พลาตินี่ เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งให้ม้าลายแห่งตูริน สคูเด็ตโต้,แชมป์ อิตาเลียน คัพ,ยูโรเปี้ยน คัพ และ คัพ วินเนอร์สคัพ
พลาตินี่ ได้รับมอบหมายเป็นกัปตันทีมชาติ “ตราไก่” ฝรั่งเศส ลุยศึก ยูโรเปี้ยน แชมเปี้ยนคัพ เมื่อปี 1984 และจบทัวร์นาเมนต์ด้วยตำแหน่งดาวซัลโวด้วยที่ 9 ประตู
นอกจากจี๊ดจ๊าดในตำแหน่งมิดฟิลด์แล้วการผ่านบอล ป้อนบอลของ พลาตินี่ ยังได้รับการยอมรับว่าเยี่ยมยอดอีกด้วย รวมถึงการยิงประตูที่หาได้ไม่มากนักจากนักเตะตำแหน่งมิดฟิลด์ แล้วเป็นดาวยิงแบบนี้
เซอร์บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน ตำนานนักเตะอังกฤษ ได้กล่าวถึง พลาตินี่ ไว้ว่า “เขาจบสกอร์ได้คมมากๆแม้จะมีช่องอยู่นิดเดียวเท่ารูเข็มก็ตาม”
ในด้านการปั่นฟรีคิก ถ้าให้เทียบกับสมัยนี้ เดวิด เบ็คแฮม ยังอายเลยทีเดียว พลาตินี่ สามารถปั่นบอลให้โค้งหนีกำแพงและหนีมือผู้รักษาประตูได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งการซ้อมก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษใช้หุ่นตั้งเป็นแถวเหมือนกับที่คนอื่นทำกัน
พลาตินี่เคยได้รับเลือกเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของยุโรป (บัลลงดอร์) ถึง 3 สมัยติดต่อกันด้วยในปี 1983,84 และ 85
พลาตินี่ แขวนสตั๊ดเมื่อปี 1987 โดยเล่นให้ยูเวนตุส เป็นทีมสุดท้าย
Ihor Ivanovych
1986
Igor Ivanovich (หรือIhor Ivanovych ) Belanov ( ยูเครน : ІгорІвановичБеланов ; ประสูติ 25 กันยายน 1960) คือเกษียณยูเครน นักฟุตบอลที่เล่นเป็นกองกลางหรือกองหน้าสองเขาสร้างชื่อให้ตัวเองที่ดินาโมเคียฟชนะห้าชื่อที่สำคัญและถูกเสนอชื่อนักฟุตบอลยุโรปแห่งปีใน1986 จากนั้นเขาใช้เวลาหกปีในเยอรมนีกับสองทีม แต่ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยเขาถูกรวมอยู่ในรายชื่อนักเตะ 100 อันดับแรกของฟุตบอลโลกตลอดกาลของ Times [1]เบลานอฟเป็นตัวแทนของสหภาพโซเวียตในฟุตบอลโลกหนึ่ง ครั้งและแชมป์ยุโรปหนึ่ง ครั้ง
1987
เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1962) เป็นผู้จัดการทีมฟุตบอลและอดีตนักฟุตบอลชาวดัตช์ ซึ่งเล่นฟุตบอลอาชีพอยู่ในคริสต์ทศวรรษ 1980 และคริสต์ทศวรรษ 1990 เขาเป็นกัปตันทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ซึ่งชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1988 และเป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมชาติชุดที่ลงเล่นในฟุตบอลโลก 1990
คึลลิตกับทรงผมเดรดล็อก
ในระดับสโมสร ใน ค.ศ. 1987 คึลลิตย้ายจากเปเอสเฟมายังเอ.ซี. มิลาน ด้วยค่าตัวสูงเป็นสถิติโลกในเวลานั้น เขาเป็นที่จดจำได้ง่ายด้วยทรงผมเดรดล็อกอันโดดเด่น และเป็นหนึ่งในสามทหารเสือดัตช์ที่มีชื่อเสียงแห่งมิลาน (อีกสองคนได้แก่ มาร์โก ฟัน บัสเติน และฟรังก์ ไรการ์ด) คึลลิตเป็นแชมป์เซเรียอา 3 สมัย และยูโรเปียนคัพ 2 สมัยร่วมกับสโมสรนี้
คึลลิตได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปยุโรปใน ค.ศ. 1987 และผู้เล่นแห่งปีของนิตยสารเวิลด์ซอกเกอร์ใน ค.ศ. 1987 และ ค.ศ. 1989 โดยปกติเขาจะเล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก แต่ก็สามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในช่วงอาชีพนักฟุตบอลของเขา ใน ค.ศ. 2004 เขามีชื่ออยู่ในรายชื่อนักฟุตบอลยอดเยี่ยม 125 คน ที่ยังมีชีวิตอยู่ ในฐานะส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งฟีฟ่านอกจากนี้ คึลลิตยังเคยทำงานรณรงค์การเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 และ 2022 ของเนเธอร์แลนด์กับเบลเยียมอีกด้วย
Marco Van Basten
1988
เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1964) เป็นผู้จัดการฟุตบอลและอดีตนักฟุตบอลชาวดัตช์ที่เคยเล่นให้กับสโมสรอายักซ์และเอ.ซี. มิลาน รวมทั้งทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในคริสต์ทศวรรษ 1980 และต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 ฟัน บัสเตินได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล โดยทำประตูไปได้ทั้งสิ้น 277 ประตูและมีอาชีพการค้าแข้งที่สวยหรู แต่เขาได้ลงเล่นเกมสุดท้ายในปี ค.ศ. 1993 ขณะที่มีอายุได้เพียง 28 ปี เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาต้องเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพในอีกสองปีต่อมา หลังจากนั้นเขาได้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของอายักซ์และทีมชาติเนเธอร์แลนด์
ในการลงเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ฟัน บัสเตินสามารถพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1988 และได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของรายการ โดยทำไปได้ทั้งสิ้น 5 ประตู ซึ่งมีลูกยิงวอลเลย์ที่เขาทำได้ในนัดชิงชนะเลิศที่พบกับสหภาพโซเวียตรวมอยู่ด้วย ส่วนในระดับสโมสร เขาคว้าแชมป์เอเรอดีวีซี 3 ครั้ง และยูฟ่าคัพวินเนอส์คัพ 1 ครั้งร่วมกับอายักซ์ รวมทั้งคว้าแชมป์เซเรียอา 3 ครั้ง และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 ครั้งร่วมกับเอ.ซี. มิลาน
Marco Van Basten
1989
เกิดเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1964) เป็นผู้จัดการฟุตบอลและอดีตนักฟุตบอลชาวดัตช์ที่เคยเล่นให้กับสโมสรอายักซ์และเอ.ซี. มิลาน รวมทั้งทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในคริสต์ทศวรรษ 1980 และต้นคริสต์ทศวรรษ 1990 ฟัน บัสเตินได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล โดยทำประตูไปได้ทั้งสิ้น 277 ประตูและมีอาชีพการค้าแข้งที่สวยหรู แต่เขาได้ลงเล่นเกมสุดท้ายในปี ค.ศ. 1993 ขณะที่มีอายุได้เพียง 28 ปี เนื่องจากได้รับบาดเจ็บ ทำให้เขาต้องเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพในอีกสองปีต่อมา หลังจากนั้นเขาได้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของอายักซ์และทีมชาติเนเธอร์แลนด์
ในการลงเล่นให้กับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ฟัน บัสเตินสามารถพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1988 และได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมของรายการ โดยทำไปได้ทั้งสิ้น 5 ประตู ซึ่งมีลูกยิงวอลเลย์ที่เขาทำได้ในนัดชิงชนะเลิศที่พบกับสหภาพโซเวียตรวมอยู่ด้วย ส่วนในระดับสโมสร เขาคว้าแชมป์เอเรอดีวีซี 3 ครั้ง และยูฟ่าคัพวินเนอส์คัพ 1 ครั้งร่วมกับอายักซ์ รวมทั้งคว้าแชมป์เซเรียอา 3 ครั้ง และยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2 ครั้งร่วมกับเอ.ซี. มิลาน
Lothar Matthäus
1990
เกิด 21 มีนาคม ค.ศ. 1961) เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอล อดีตนักฟุตบอลอาชีพ และอดีตผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน หลังจากเป็นกัปตันนำทีมชาติเยอรมนีตะวันตกจนได้รับชัยชนะในฟุตบอลโลก 1990 ที่ซึ่งเขาได้ชูถ้วยรางวัลฟุตบอลโลก เขาก็ได้รับรางวัลบาลงดอร์ ใน ค.ศ. 1991 เขาได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของโลกแห่งปีคนแรก และยังคงเป็นชาวเยอรมันเพียงคนเดียวที่ได้รับรางวัลนี้ เขายังมีชื่ออยู่ในดรีมทีมบาลงดอร์ใน ค.ศ. 2020
มัทเทอุสครองสถิติ (ร่วมกับอันโตนิโอ การ์บาฆัล ผู้รักษาประตูชาวเม็กซิโก) ในการแข่งขันฟุตบอลโลก 5 ครั้ง (1982, 1986, 1990, 1994 และ 1998) ซึ่งมากกว่าผู้เล่นนอกสนามคนอื่น ๆ ในการแข่งขันฟุตบอลชาย จนกระทั่งฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งราฟาเอล มาร์เกซ ของเม็กซิโกทำสถิติได้เท่ากับเขา เขาเป็นผู้ชนะในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1980 และลงเล่นในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1984, 1988 และ 2000 ใน ค.ศ. 1999 เมื่ออายุได้ 38 ปี มัทเทอุสได้รับการลงคะแนนเสียงให้ได้รับรางวัลนักฟุตบอลแห่งปีของเยอรมนีอีกครั้ง หลังจากที่เคยได้รับรางวัลนี้มาแล้วใน ค.ศ. 1990